ประเทศไทยได้เข้าสู่การเป็น “สังคมสูงวัย” จึงมีมาตรการภาษีเพื่อกระตุ้นให้หน่วยงานภาคเอกชนจ้างแรงงานผู้สูงอายุเข้าทำงาน
เงื่อนไขการใช้สิทธิ
1.ผู้สูงอายุสัญชาตไทยมีอายุ 60 ปีขึ้นไป
2.ต้องมีสัญชาติไทยเท่านั้น (แรงงงานต่างด้าวจึงไม่สามารถใช้สิทธิได้)
3.เป็นลูกจ้างของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่จ้างอยู่ก่อนแล้ว หรือเป็นผู้ที่ได้ขึ้นทะเบียนไว้กับกรมการจัดหางาน
4.ไม่เป็นและไม่เคยเป็นกรรมการหรือผู้ถือหุ้นของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่จ้างผู้สูงอายุเข้าทำงาน หรือบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลในเครือเดียวกัน
5.กรณีผู้สูงอายุทำงานในบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลหลายแห่งในเวลาเดียวกันให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่รับผู้สุงอายุเข้าทำงานก่อนได้รับสิทธิยกเว้นภาษีเงินได้
"นอกจากจะช่วยประหยัดภาษีให้แก่ผู้ประกอบการแล้ว ยังเป็นการสร้างงานให้แก่ผู้สูงอายุที่มากความสามารถและยังคงมีกำลังกายที่สามารถทำงานให้แก่ผู้ประกอบการด้วย"
หลักเกณฑ์และเงื่อนไขสิทธิประโยชน์ทางภาษี
- ลูกจ้างผู้สูงอายุต้องทำงานเต็มเดือน ตามเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (1) เนื่องจากการจ้างแรงงาน
- นายจ้างสามารถจ้างได้ไม่เกิน 10 % ของจำนวนลูกจ้างทั้งหมด
- ค่าจ้างไม่เกินเดือนละ 15,000 บาท
- บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลสามารถหักรายจ่ายได้ 2 เท่า ของค่าใช้จ่ายที่จ่ายให้แก่ลูกจ้างผู้สูงอายุ
ต้องจัดทำรายงานและแจ้งข้อมูลของผู้สูงอายุดังนี้
- จัดทำรายงานเกี่ยวกับการจ้างผู้สูงอายุและเก็บรักษารายงาน ณ สถานประกอบการ พร้อมที่จะให้เจ้าพนักงานประเมินตรวจสอบได้
- แจ้งข้อมูลของลูกจ้างผู้สูงอายุ ต่ออธิบดีกรมสรรพากร ภายใน 150 วัน ผ่านทางเว็บไซต์ของกรมสรรพากร
- ผู้ตรวจสอบบัญชีรับอนุญาต
- อาจารย์พิเศษให้กับสถาบันของรัฐและเอกชน