ภาษีมูลค่าเพิ่มคืออะไร
ภาษีชนิดหนึ่งที่เก็บจากผู้บริโภคจากการซื้อสินค้าหรือบริการในอัตรา 7%
หลักของภาษีมูลค่าเพิ่ม
หลักง่ายๆ : ใครก็ตามที่มีรายได้จากการขายสินค้าหรือให้บริการเกิน 1.8 ล้านบาทต่อปีจะจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม
** แสดงว่าถ้ารายได้ไม่ถึง 1.8 ล้านบาทต่อปี เรามีสิทธิ์เลือกว่าจะจดหรือไม่จดก็ได้
** มีบางกิจการที่รายได้เกิน 1.8 ล้านบาทต่อปีก็ไม่ต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม เช่นสถานศึกษา, ผู้สอบบัญชี, ขายสินค้าเกษตร เราสามารถดูรายชื่อทั้งหมดได้ที่ http://www.rd.go.th/publish/7052.0.html
ข้อดีและข้อเสียของการจดVAT
Tip ในการเลือกจดVAT กรณีรายได้ยังไม่ถึงเกณฑ์
1.กิจการมีความสามารถผลักภาระภาษีขายไปให้แก่ลูกค้าได้มากน้อยเพียงใด?
2.กิจการมีภาษีซื้อที่สามารถขอคืนได้มากน้อยเพียงใด?
สรุปการเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม
Note:
1. ถ้าภาษีขาย > ภาษีซื้อ เราจะต้องนำส่งส่วนต่างให้สรรพากรเพิ่ม
2. ถ้าภาษีซื้อ > ภาษีขาย เราสามารถขอคืนส่วนต่างจากรมสรรพากรได้ หรือ จะยกไปใช้ในเดือนถัดไปก็ได้
ภาษีซื้อที่ไม่มีสิทธิ์นำมาขอคืน (ภาษีซื้อต้องห้าม)
1.ไม่มีใบกำกับภาษีหรือไม่อาจแสดงใบกำกับภาษีได้ว่ามีการชำระภาษีซื้อ
2.ใบกำกับภาษีมีข้อความไม่ถูกต้องหรือไม่สมบูรณ์ในส่วนที่เป็นสาระสำคัญ
3.ภาษีซื้อที่ไม่เกี่ยวข้องโดยตรงกับการประกอบกิจการของผู้ประกอบการ
4.ภาษีซื้อที่เกิดจากการจ่ายค่ารับรอง
5.ภาษีซื้อตามใบกำกับภาษีซึ่งออกโดยผู้ที่ไม่มีสิทธิออกใบกำกับภาษี
6.อื่นตามประกาศของอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม เช่น
•ภาษีซื้อที่เกิดจากการซื้อ เช่าซื้อเช่า หรือจ่ายค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับรถยนต์นั่งและรถยนโดยสารที่มีที่นั่งไม่เกิน 10 ที่นั่ง
•ใบกำกับภาษีซื้ออย่างย่อ
•ภาษีซื้อที่เอาไปใช้ในกิจการที่ไม่ได้อยู่ในระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม
- ผู้ตรวจสอบบัญชีรับอนุญาต
- อาจารย์พิเศษให้กับสถาบันของรัฐและเอกชน